กว่าจะเป็น Batman และแล้ว จักรวาล DC ก็ได้ต้อนรับการกลับมาของ Batman เวอร์ชั่น Michael Keaton ที่จะมาปรากฏตัวในหนัง The Flash ซึ่งกำลังจะเข้าฉายในวันที่ 16 มิถุนายน 2023 นี้ เมื่อพูดถึง Batman ฉบับผู้กำกับ Tim Burton แล้ว หลายคนอาจยังไม่รู้ว่ากว่าจะออกมาเป็น Batman ดำทะมึนแบบนั้น ในยุคหนึ่งราวๆยุค 60 นั้น Batman

ฉบับซีรีส์ทีวีเคยมุ้งมิ้งมาก่อน จนดารานักแสดงที่ถูก Tim Burton ทาบทามให้ไปเล่น ต่างปฏิเสธ เพราะคิดว่าพวกเขาจะกลายเป็นตัวตลก ไม่มีใครอยากตัดโอกาสเส้นทางการแสดงของตนเองด้วยการรับแสดงหนังตลกไร้สาระแบบนั้น

นี่คือสิ่งที่น่ารู้กว่าจะมาเป็น Batman ฉบับ Tim Burton

Ray Liotta ปฏิเสธข้อเสนอในการรับบท Bruce Wayne จากผู้สร้าง ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่อยากเล่นหนังฮีโร่ตลกไร้สาระ Ray Liotta หนุ่มนักแสดงจากนิวเจอร์ซีย์ที่ในขณะนั้นอายุ 35 ปี และมีงานแสดงเพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้น เขาได้รับความสนใจจากผู้สร้างจากบทบาทของเขาใน Something Wild ในปี 1986

แต่เขาก็ปฏิเสธมันอย่างไร้เยื่อใย มันเป็นช่วงเวลาที่โปรเจกต์กำลังพัฒนา และเขายังไม่รู้โทนของหนังว่ามันไม่ได้เป็นหนังตลกอีกแล้ว ซึ่งผู้สร้างก็ได้หันไปหา Michael Keaton ในที่สุด แต่ก็มีการยื่นข้อเสนอให้ Ray Liotta รับบท Joker หรือ Harvey Dent

ซึ่งเขาก็ปฏิเสธทั้งหมดอยู่ดี เขาบอกว่าเขาเสียดายบท Batman มากๆ แต่ในเวลาต่อมาเขาก็มีผลงานอันน่าจดจำในหนัง Field of Dreams จนได้มาเล่นในหนังผู้กำกับชั้นครูอย่าง Martin Scorcese ในเวลาต่อมา

Michael Uslan โปรดิวเซอร์ของหนังได้พยายามเกลี้ยกล่อมอย่างหนักเพื่อให้ได้ลิขสิทธิ์ Batman มาสร้างเป็นหนัง และในที่สุดเขาก็ได้ลิขสิทธิ์ Batman ในปี 1979 แต่ก็ต้องใช้พลังชีวิตในการโน้มน้าวสตูดิโอให้สร้างหนังเรื่องนี้อีก ไล่ตั้งแต่ Columbia Pictures ไปจนถึง Universal Pictures ก็ถูกปฏิเสธหมด

ในที่สุด Warner Bros. ก็ตกลงที่จะสร้างมัน แต่ขั้นตอนการพัฒนาบทหนังมันซับซ้อนมาก เพราะเหมือนเป็นการดัดแปลงครั้งใหญ่ Michael Uslan ใช้เวลาเกือบๆ 10 ปีเข็นโปรเจกต์นี้ออกมา

แรกเริ่มเดิมทีสคริปต์ของหนัง Batman ภาคแรกมีทั้ง The Penguin และ Robin ซึ่งโปรดิวเซอร์ Michael Uslan ได้ขอความช่วยเหลือจากมือเขียนบทระดับเทพอย่าง Tom Mankiewicz ผู้เคยเขียนบท Superman

หนังเน้นไปที่จุดกำเนิดของ Batman โดยมีทั้ง The Penguin และการมาของ Robin ในท้ายเรื่อง แต่สคริปต์ฉบับนี้ก็ถูกโละทิ้งในที่สุด ซึ่งก็ไม่ได้ทิ้งไปเสียหมด เพราะมีบางสิ่งบางอย่างถูกนำไปใช้ใน Batman Returns ที่เป็นภาคต่อ

Tim Burton ไม่ใช่ตัวเลือกแรกที่จะได้มากำกับ Batman เดิมที Warner Bros. เล็ง Ivan Reitman จาก Ghostbusters และ Joe Dante จาก Gremlins ไว้ สุดท้าย Tim Burton ก็ได้กำกับ

แต่ Tim Burton ตอนที่ก้าวเข้ามาในโปรเจกต์แรกๆ เขาไม่ได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้กำกับอย่างออกหน้าออกตาสักเท่าไหร่ มีคนรอเสียบเขาได้เสมอ เขาแค่ได้เข้ามาเพราะผู้สร้างชอบผลงาน Pee-wee’s Big Adventure ของเขา

กว่าจะเป็น Batman

แต่ก็ยังไม่แน่ใจสักเท่าไหร่นัก ผู้สร้างต้องรอดูกระแสหนัง Beetlejuice ของ Tim Burton เสียก่อน ปรากฏว่า Beetlejuice กวาดทั้งรายได้และคำวิจารณ์อย่างล้นหลาม Warner Bros. จึงประกาศอย่างเป็นทางการว่า Tim Burton คือผู้กำกับ Batman

เฉกเช่นเดียวกับ Danny Elfman ผู้ประพันธ์เพลงประกอบให้หนังเรื่องนี้ มันเป็นยุคที่ Danny Elfman ยังไม่ได้โด่งดังเป็นนักแต่งเพลงตัวพ่อเช่นทุกวันนี้ เขาทำเพลงให้หนัง Pee-wee’s Big Adventure และ Beetlejuice ให้ Tim Burton แต่โปรดิวเซอร์ Jon Peters เกิดข้อกังขาหลังจากได้ฟังเพลงที่ Danny Elfman แต่งให้ Batman ว่ามันเหมาะสมกับหนังจริงๆหรือ Tim Burton

บอกให้ Danny Elfman เปิดเพลง The Batman Theme ที่เป็นหมัดเด็ดให้ Jon Peters ฟัง เมื่อได้ฟังแล้ว Jon Peters ถึงกับอึ้ง แล้วตัดสินใจจ้าง Danny Elfman ในท้ายที่สุด และเพลงธีม The Batman Theme ก็กลายมาเป็นหนึ่งในงานชิ้นเอกในโลกภาพยนตร์

ดาราชายหลายคนที่อยู่ในรายชื่อพิจารณาให้รับบท Batman ประกอบไปด้วย Mel Gibson, Bill Murray (เอาจริงดิ), Kevin Costner, Willem Dafoe, Tom Selleck, Harrison Ford, Charlie Sheen, Ray Liotta และ Pierce Brosnan

ก่อนที่พวกเขาจะปฏิเสธไปหมด โดยมีเหตุผลคล้ายๆกันคือ กลัว Batman เป็นหนังไร้สาระแบบฉบับซีรีส์ สุดท้ายพวกเขาก็ล้วนเอ่ยปากว่าเสียดายตอนที่หนังออกฉาย

โปรดิวเซอร์ Michael Uslan กับผู้กำกับ Tim Burton ถกเถียงกันอย่างหนักในการเลือก Michael Keaton นั่นเพราะเขาเป็นดาราตลกจากหนังอย่าง Mr. Mom และ Night Shift ซึ่ง Michael Uslan เห็นว่าเขาไม่น่าจะเหมาะกับบทบาทศาลเตี้ยในชุดหนังแบบนี้

แต่ Tim Burton ที่เคยร่วมงานกับ Michael Keaton ในหนัง Beetlejuice การันตีว่านี่คือมนุษย์ค้างคาวที่ฉากหน้าเป็นเพลย์บอยเจ้าสำราญ นักแสดงที่จะมารับบทนี้ไม่ใช่แค่บู๊เป็น แต่เขาต้องมีอารมณ์ขันด้วย สุดท้าย Tim Burton ก็ชนะ

Jack Nicholson เป็นตัวเลือกแรกสำหรับบท Joker แต่เขาไม่ใช่ตัวเลือกเดียว Willem Dafoe, James Woods, Brad Dourif , David Bowie และ Robin Williams มีชื่อในโผที่ผู้กำกับ Tim Burton ต้องการ แต่ด้วยรอยยิ้มอันน่าสยดสยองแต่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขันของ Jack Nicholson ก็ส่งผลให้ Tim Burton อยากได้เขามาเล่นเป็นวายร้ายตัวตลกนี้

Jack Nicholson ไม่ได้สนใจที่จะรับเล่นตั้งแต่แรก แต่ในวันหนึ่งเขาเชิญผู้กำกับ Tim Burton กับโปรดิวเซอร์อีกคนอย่าง Peter Guber ไปขี่ม้าด้วยกัน Tim Burton ปฏิเสธที่จะขี่ม้าเพราะเขากลัว แต่ Peter Guber บังคับว่านายต้องขี่มัน

สุดท้ายเขาก็โดดขึ้นหลังม้า แล้วม้าของ Tim Burton ก็เดินควบคู่ไปกับม้าของ Jack Nicholson ซึ่งเขาตัดสินใจรับบทนี้บนหลังม้า เพราะความจริงใจที่ Tim Burton มีให้

Eddie Murphy เกือบได้เล่นเป็น Robin ทว่าสคริปต์ร่างสุดท้ายถูกตัดบท Robin ออก เพราะผู้สร้างอยากโฟกัสไปที่ตัว Batman กับ Joker

เดิมทีบท Vicki Vale คนรักของ Bruce Wayne วางตัวไว้เป็น Sean Young ที่โด่งดังจาก Blade Runner แต่ก่อนถ่ายทำไม่ถึงสัปดาห์ Sean Young ต้องฝึกขี่ม้าเพื่อเข้าฉากหนึ่งของหนัง เธอพลัดตกจากหลังม้าได้รับบาดเจ็บสาหัสไหปลาร้าหัก

ทีมงานจึงต้องหานักแสดงสาวมาแทนที่ ซึ่งได้ Kim Basinger มาแทน แม้เธอมีเวลาเตรียมตัวไม่มาก แต่ก็ทำได้อย่างน่าประทับใจ ที่น่าเศร้าคือ ฉากขี่ม้าที่ว่า ไม่ได้ถูกถ่ายทำเลยซักฉาก

Michael Keaton เกลียดชุด Batman มากๆ มันทั้งหนักและเคลื่อนไหวยาก แต่เขาต้องแสดงว่าตนเองเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว ทุกๆครั้งที่มีคนใหม่ๆมารับบท Batman เขาจะนึกเห็นใจนักแสดงเหล่านั้นว่าต้องเจอประสบการณ์เลวร้ายในการสวมชุดแบบเขาแน่นอน

Tim Burton ยืนกรานที่จะให้ Joker เป็นคนฆ่าพ่อแม่ของ Bruce Wayne ซึ่งเป็นตอนที่ Joker ยังเป็นแค่โจรที่ชื่อว่า Jack Napier ทว่าผู้เขียนบท Sam Hamm ไม่เห็นด้วย เขาเป็นแฟนตัวยงของ Batman และยืนยันว่าพ่อแม่ของ Bruce Wayne ต้องตายด้วยมือโจรกระจอกเท่านั้น ไม่ใช่ฝีมือ Joker แต่ Tim Burton

ยืนยันที่จะใช้แนวคิดของเขา นั่นทำให้ Sam Hamm ออกจากโปรเจกต์ นี่ยังไม่รวมไปถึงการให้ Vicki Vale ก้าวล้ำเข้าสู่ถ้ำค้างคาว ซึ่งเป็นพื้นที่ต้องห้าม Sam Hamm ก็บอกว่านั่นไม่ใช่ความคิดของเขา

แม้จะยึดโครงบทของ Sam Hamm แต่ได้มีการเปลี่ยนบทกันเละเทะ พวกเขาเขียนบทขึ้นใหม่หลายๆฉากระหว่างถ่ายทำ รวมไปจนถึงฉากจบ ซึ่งเกิดจากการที่ Jack Nicholson กับโปรดิวเซอร์ Jon Peters ได้ไปรับชมละครเวที The Phantom of the Opera ด้วยกัน แล้วนึกอยากให้ฉากจบเป็นการต่อสู้บนหอคอย พวกเขาแก้บทดั้งเดิมจากการสู้ในโรงงาน เป็นสู้กันบนหอคอยแทน

Anton Furst คือผู้รับผิดชอบหน้าที่สร้างเมือง Gotham City ไว้ในโรงถ่าย โดยมีงบประมากณว่า 5 ล้านเหรียญในการเนรมิตให้มันเป็นเมือง Gotham

ตอน Batman ปล่อยตัวอย่างหนังในโรง มีคนยอมซื้อตั๋วหนังเรื่องอื่นเพื่อเข้าไปดูตัวอย่างหนังให้เห็นกับตา แล้วเอามาโม้กันว่าตัวอย่างมันเจ๋งมาก ใครได้ดูตัวอย่างทีหลังถือว่าไม่คูล

ก่อนหนังฉายโลโก้ Batman ถูกแปะตามสถานที่ต่างๆ และมันถูกแอบแกะไปหมดเพราะถือเป็นสิ่งล้ำค่าในตอนนั้น แต่มันก็ส่งผลให้มีการก่ออาชญากรรมด้วย เพราะมีคนบุกเข้าไปสถานีขนส่งที่กำลังจะจัดส่งไปในรัฐต่างๆเพื่อขโมยมัน

ตอนจบมืดมนมากจน Warner Bros.สั่งให้เปลี่ยน ตอนจบแบบเดิมนั้นคือ Joker ได้ลงมือฆ่า Vicki Vale คนรักของ Bruce Wayne นั่นส่งผลทางอารมณ์ให้ Batman ต้องแก้แค้น Joker อย่างสาสม

Batman เป็นหนังที่ Warner Bros. ไม่ค่อยอยากจะสร้างเท่าไหร่ เพราะด้วยโทนที่มืดมนจนเกินไป อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของค่าย นั่นจึงทำให้การผลิตล่าช้า แต่ถึงแม้ว่าผู้บริหารสตูดิโอจะต่อต้านแนวคิดของ Batman ท้ายที่สุดก็ปฏิเสธความสำเร็จของมันไม่ได้ Batman ได้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับความสำเร็จใน Box office

เป็นหนังเรื่องแรกที่ทำรายได้ทะลุ 100 ล้านเหรียญใน 10 วัน ซึ่งเป็นหนังที่ทำรายได้มหาศาลที่สุดเท่าที่ Warner Bros. เคยมีในประวัติศาสตร์ ณ เวลานั้น และมันเป็นหนังทำรายได้สูงสุดในปี 1989 นั่นยังไม่นับรวมของเล่นและสินค้าจำนวนมหาศาลที่ขายได้

Batman ทำรายได้ไป 411.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯทั่วโลก จากความสำเร็จนี้ทำให้ Warner Bros. ต้องกลับมาทบทวนแนวทางการทำหนังของพวกเขาใหม่ และพวกเขาไฟเขียวให้ Tim Burton นำเสนอไอเดียสนุกๆได้เต็มที่ในภาคต่อ Batman Returns

ทว่า Tim Burton กลับคิดว่าการทำภาคต่อไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ เขาจึงทำ Batman Returns ด้วยการแบ่งรับแบ่งสู้ และมันเป็นไอเดียจากเขาแค่ 50% เท่านั้น

แม้จะเปลี่ยนนักแสดงและผู้กำกับไปแล้วมากมาย แต่โปรดิวเซอร์ Michael Uslan ยังคงสร้างหนังที่เกี่ยวกับ Batman ทุกๆ ฉบับจวบจนทุกวันนี้

ติดตามภาพยนต์ได้ที่ : ดูหนัง

ติดต่อเรา : @LINE